บทสัมภาษณ์จากนิตยสาร A Day 149 เขียนโดย คุณทรงกลด บางยี่ขัน
ผมพบสุรชัย พุฒิกุลางกูร ครั้งแรกในงาน Cannes Lions International Festival of Creativity เทศกาลโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดและงานความแสดงความคิดสร้างสรรค์ที่ทรงอิทธิพลสุดในโลก ที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ตอนนี้สุรชัยและบริษัท illusion ของเขากำลังเนื้อหอมมากในระดับโลก
เพราะเขากำลัง"สร้างภาพ" ด้วยวิธีใหม่ ไม่ใช่การถ่ายรูปแล้วเอามารีทัช แต่เป็นการสร้างภาพขึ้นมาใหม่ทั้งหมดด้วยเทคนิค CGI หรือ Computer Generated Imagery นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าครีเอทีฟจะคิดภาพแปลกประหลาดแค่ไหนมา เขาก็สามารถทำให้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ปี 2011 งานภาพที่เขาทำให้โฆษณากระเป๋า Samsonite ของเอเจนซี่ JWT เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน กวาดรางวัลจากทุกเวทีทั่วโลกได้มากถึง11กรังปรีซ์ 41โกลด์ และซิลเวอร์ บรอนซ์ อีกนับไม่ถ้วน ถ้านับในแง่ปริมาณ นี่คือโฆษณาสิ่งพิมพ์ที่ได้รางวัลรวมมากที่สุดในโลก ถ้านับในแง่คุณภาพ นี่คือโฆษณาสิ่งพิมพ์ชิ้นแรก ที่คว้ารางวัลโกลด์ได้จากทุกเวทีประกวดที่ใหญ่และยากที่สุดในโลก
คุณูปการสำคัญของงานชิ้นนี้ที่ลืมไม่ได้คือ มันช่วยปลุกวงการโฆษณาสิ่งพิมพ์โลกที่เงียบเหงามาหลายปีให้ตื่นขึ้นมาคึกคักอีกครั้ง ปีที่ผ่านมาสุรชัยมางานคานส์ไลอ้อนส์เพื่อออกบูท ถือเป็นครั้งแรกของหน่วยงานจากเมืองไทย บูทขนาด2คูหาของเขา ตั้งอยู่หน้าโซนโชว์งานโฆษณาที่ได้รางวัลหมวดสิ่งพิมพ์ โดยทำเลและขนาดแล้ว นับว่าเด่นที่สุดบูทหนึ่งของงาน มีครีเอทีฟเดินเข้ามาดูภาพเบื้องหลังงานรางวัลชิ้นต่างๆของ illusion หนาตาตลอดทั้งวัน และมีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาสอบถามความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกัน
อิลัสเตเตอร์มือทองบอกผมว่า เขาเป็นคนชอบมองที่ว่าง เห็นทำเลตรงไหนดีก็จำไว้ ตอนมางานคานส์ไลอ้อนส์ครั้งแรกเมื่อปี2002 เขาพบว่า ทำเลตรงนี้เตะตามาก10ปีผ่านไป เขาก็มาตั้งบูทตรงนี้
"เราควรทำอะไรสักอย่างกับรางวัลกรังปรีซ์ที่ได้"สุรชัยเล่าถึงเหตุผลในการยกทีมบินมาเปิดบูทที่คานส์ "คนส่วนใหญ่รู้ว่านี่คืองานของเอเจนซี่ JWT เซี่ยงไฮ้ แต่น้อยคนจะรู้ว่าโปรดักชั่นเฮาส์ชื่อ อิลลูชั่นจากกรุงเทพฯเป็นคนทำงานนี้"
ผู้ก่อตั้งบริษัท illusion มองว่าวิธีหาลูกค้ามี2อย่าง คือใช้เซลล์ออกไปหา กับใช้สื่อโฆษณาให้ลูกค้าเป็นฝ่ายมาหาเรา เขาพบว่า สนามประกวดคือพื้นที่โฆษณาที่ดีที่สุด โดยเฉพาะงานที่อุดมไปด้วยครีเอทีฟและบุคคลากรในวงการโฆษณาที่เก่งที่สุดในโลกหมื่นกว่าคน
พอคุยกันได้สักพัก ผมก็ขอถ่ายรูปเขาเพื่อเอาไปทวีตรายงานบรรยากาศแต่เขาก็กวักมือเรียกน้องๆในทีมให้มาถ่ายรูปด้วย ในค่ำคืนของการประกาศรางวัล การเดินขึ้นไปรับรางวัลโกลด์บนเวทีคานส์นั้นดูขลังไม่แพ้การรับรางวัลออสการ์ สุรชัยได้รับโอกาสให้ขึ้นไปรับรางวัลอีกหน คราวนี้เขาชวน ศุภชัย อุไรรัตน์ มือขวาของเขาให้ขึ้นเวทีด้วยกันเช่นเดิมแต่ปีนี้เขาให้ศุภชัยเป็นคนรับรางวัลจากมือประธาน เพราะปีที่แล้วเขาเป็นคนรับไปแล้ว
"รางวัลมันหนัก"สุรชัยพูดถึงเหตุผลในการให้ทีมเป็นผู้รับรางวัลแทนพร้อมเสียงหัวเราะ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายถึงอะไร นั่นคือเรื่องราวของสุรชัยที่ผมจำได้จากคานส์ไลอ้อนส์
"กรังปรีซ์ทำให้ผมปรากฎตัวบนเฟซบุ๊ก" สุรชัยบอกผมในวันที่เรานัดคุยกันที่ออฟฟิศสุดหรูของเขาบนเพนต์เฮาส์ของตึกสูงย่านหลังสวน เขาเพิ่งเริ่มใช้เฟซบุ๊กไม่นาน แต่ก็ขยันเขียนประสบการณ์ชีวิตและความคิดอันแสนจะคมคายให้ได้อ่านกันเกือบทุกวัน
สุรชัยมองว่า ครูเป็นอาชีพที่มีคุณค่าที่สุดรองจากพ่อแม่ เขาจึงตั้งใจว่าเมื่ออายุ55จะเบนเข็มมาทำงานการศึกษาเต็มตัว ก็เลยสมัครเรียนปริญญาโท และวางแผนว่าต้องเรียนปริญญาเอกให้จบก่อนอายุ55 เขาไม่ได้กลับไปเรียนเพื่อเอาความรู้มาสอน เพราะเขามีความคิดและทฤษฎีของตัวเองมากมาย ชีวิตเขามาถึงจุดนี้ได้ก็ด้วยวิธีคิดเหล่านี้
"เราไม่ฟังคนที่ยืนอยู่ในระดับเดียวกัน ผมต้องยืนในตำแหน่งที่สูงกว่าถึงมีคนฟัง ถ้าผมจบปริญญาตรีทำอะไรก็ไม่สำเร็จใครจะอยากฟัง " สุรชัยเล่าเสียงดังฟังชัด "พอผมได้กรังปรีซ์ผมก็ลาออกจากศิลปากรเลย เพราะผมมีโต๊ะให้ยืนพูดแล้ว" เขาเริ่มสื่อสารสิ่งที่อยากบอกผ่านเฟซบุ๊กซึ่งเขาเคยแอนตี้ ในวัย47 เร็วกว่าแผนที่วางไว้นิดหน่อย
"ผมไม่ได้ว่าคนเล่นเฟซบุ๊กนะ ผมรู้สึกว่าคนเล่นเฟซบุ๊กหรือโซเชียลเน็ตเวิร์กเหมือนขอทาน ทุกคนอยากมีตัวตน อยากแสดงตัวตนออกมา ก็หาอะไรมาแชร์ เอาคำพูดคนอื่นมาเป็นของตัวเอง มีคำคมเต็มไปหมด เป็นคำที่คนโพสต์ก็ไม่เข้าใจ แต่โพสต์แล้วดูดี เป็นเหมือนขอทานเคาะขันขอความเชื่อมั่น ซึ่งผมเคยเป็นมาก่อน" สุรชัยเล่าอย่างอารมณ์ดี
"ผมเริ่มได้รางวัลประกวดวาดรูปตั้งแต่ ม.ศ2 พอมาแข่งบาสเกตบอลก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ทีมชนะ ผมได้เป็นนักกีฬายอดเยี่ยม พอเปลี่ยนมาวาดรูปก็ได้รางวัล ไปเรียนญี่ปุ่นส่งงานประกวดก็ชนะอีก ผมพยายามเล่าความสำเร็จของผมให้ทุกคนฟังเพื่อให้เขาสนใจ ผมจะได้มีตัวตนในสังคม เป็นวิธีที่ทำให้ตัวเองมีความเชื่อมั่น เหมือนไว้ผมยาวแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปินนั่นแหล่ะ ผมเลยรู้สึกว่าการพูดแต่เรื่องรางวัลไม่ต่างจากขอทานเลย"เขาเว้นจังหวะ
"ตอนกลับมาจากญี่ปุ่นผมทำตัวโลว์โปรไฟล์ ไม่คุยโวโอ้อวดเรื่องความสำเร็จกับใคร แล้วก็ตัดผมสั้น เพราะรู้ว่าสิ่งภายนอกไม่ได้สร้างความมั่นใจให้ผม ไม่ว่าจะเป็นทรงผมหรือคำชม ความมั่นใจต้องสร้างเองจากข้างใน ผมเลยตั้งหน้าตั้งตาทำงานมากกว่าออกงาน"สุรชัยหยิบถ้วยชาร้อนขึ้นมาจิบ
ส่วนการโพสต์เรื่องราวมากมายผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง สุรชัยไม่ได้หวังดัง เขาแค่อยากแบ่งปันความรู้ของตัวเองสู่สังคม สุรชัยวางถ้วยชาแล้วพูดต่อ "ทุกเหตุการณ์ในชีวิต ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันมีจุดมุ่งหมายของมัน กรังปรีซ์ตัวนี้ไม่ได้ทำให้ผมได้ตัวต่อไป แต่เป็นโอกาสให้ผมได้ออกมาพูด" และเป็นโอกาสให้พวกเราได้ฟัง
Award
รางวัล: ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารโฆษณาระดับโลก Luerzer’s Archive ให้เป็น Illustrator อันดับ 1 ของโลก
-โปรดักชั่นเฮาส์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา Cannes Lions 2011
-โปรดักชั่นเฮาส์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา London International Awards 2011
- โปรดักชั่นเฮาส์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Grand Prix ถึง 3 ตัวจากงานประกวดโฆษณา Spikes Asia 2011
- ได้รับรางวัล 2 Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา Dubai Lynx 2012
- ได้รับรางวัล Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา Adfest 2010 , 2012และ 2014
- ได้รับรางวัล 3 Yellow Pencil จากงานประกวดโฆษณา D&AD 2012
- ได้รับรางวัล Gold illustration จากงานประกวด Cannes Lions สองปีติดต่อกันเป็นคนแรกของโลก
-ได้รับรางวัล production company of the year 2 ปีซ้อนจาก adfest 2013และ2014
1992-2014 - ผลงานได้รับรางวัลในการประกวดโฆษณาทั้งในระดับโลกและในประเทศมากกว่า 1000 รางวัล
Quote of the Day “คุณค่ามันไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่เราทำ แต่อยู่ที่ความสุขที่ได้ทำ จะทำอาชีพอะไรก็ได้ เท่าที่ศักยภาพคุณมี ผมจะไปเป็นหมอ เป็นวิศวะก็ไม่ได้ เมื่อเราทำได้แค่นี้ ก็ทำให้มันดีสิวะ”Reference :สุรชัย พุฒิกุลางกูร